ACSA Introduction (Th)

ACSA Thailand ทุนการศึกษาต่อในระดับ ปริญญาตรี

Introduction to ACSA

ข้อมูลสำหรับการแนะนำโครงการในเบื้องต้น

American Collegiate Scholarship Association หรือ ACSA เป็นมูลนิธิ ที่เป็นผู้รับทุนการเรียนในระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัย 70-200 แห่งทั่วประเทศอเมริกา เพื่อให้นักเรียนต่างชาติยกเว้นชาวอเมริกัน ทั่วโลก มากว่า 20 ปี และส่งนักเรียนไปเรียนมาแล้วประมาณ 10,000 คนจนถึงปัจจุบันนี้

IDEA เป็นชื่อขององค์กรที่ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยทั้งหมดในอเมริกา ACSA เป็นผู้บริหารตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งไปทั่วโลก ตามภาคพื้นต่างๆ ประเทศไทยจะขึ้นอยู่ในโซน South East Asia

ACSA ได้แต่งให้ PELIC (ACSA Thailand) เป็นผู้แทนในการคัดเลือกนักเรียนแต่ผู้เดียวในประเทศไทย มาตั้งแต่ปี 2013 และขณะนี้ PELIC ได้รับสิทธิ์คัดเลือกนักเรียนจากประเทศ จีน ฮ่องกง มาเก๊าและสิงคโปร์ด้วย

ดังมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • ทุน ACSA เป็นทุนที่ได้รับมาสำหรับประเทศไทย 1100ทุนต่อปี
  • เป็นทุนที่ไม่ได้คัดเลือกเอาคนเก่งเป็นพื้นฐาน แต่จะมุ่งไปทางการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมมากกว่าการให้นักเรียนที่เก่ง คะแนนสูงๆอย่างเดียว

 

1.สิทธิที่จะได้รับ

  1. ได้ทุนฯ เป็นค่าเล่าเรียน + ที่พัก + อาหาร (ทุกคนจะต้องอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัย) โดยชำระบางส่วนที่นอกเหนือจากทุนที่ได้รับ
  2. เกรดเฉลี่ยขั้นต่ำ 0 เท่านั้นก็รับทุนได้ เป็นนักเรียนทุนโดยตรงจากมหาวิทยาลัยเลย (ไม่ต้องไปแข่งกับคนเก่งเพื่อแย่งทุนฯกัน)
  3. ได้ทุนเรียน 4 ปี (จนจบปริญญาตรี)
  4. ในกรณีที่ภาษาอังกฤษสอบแล้วไม่ได้ตามเกณฑ์ของแต่ละมหาวิทยาลัย ก็สามารถขอรับทุนเรียนภาษาได้ 1 ปี รวมเป็น 5 ปี
  5. การขอ VISA ก็จะสะดวก ง่ายกว่านักเรียนทั่วไป เนื่องจากเป็นนักเรียนที่ได้ทุนจากมหาวิทยาลัย
  6. จะได้รับวีซ่านักเรียน F1 ซึ่งมีอายุ 5 ปี
  7. ในระหว่างเรียน จะสามารถขอสมัครทำงานต่างๆของมหาวิทยาลัย ได้อาทิตย์ละ 20 ชั่วโมงและทางมหาวิทยาลัยจะสมัครขอใบ social security (บัตรประจำตัวประกันสังคม)ให้ ซึ่งใช้ได้ตลอดชีวิต

2.เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยและลักษณะของทุน

  1. ทุนมาจาก 70-200 มหาวิทยาลัยในอเมริกา (ซึ่งแต่ละปีจะไม่เท่ากัน ทั้งสาขาวิชาและจำนวนทุน)
  2. เป็นการให้ทุนแบบการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ไม่มุ่งเอาคนที่เก่งอย่างเดียว ไม่มีการคัดเลือกหรือสอบเพื่อรับทุน ใครมาสมัครก่อนได้สิทธิก่อนทันที
  3. เป็นทุนที่ครอบคลุม ค่าเล่าเรียน ค่าหอพักในมหาวิทยาลัยและค่าอาหาร 3 มื้อ (ในตอนเปิดเทอม) เมื่อรวมกันแล้ว แต่ละมหาวิทยาลัยจะให้ทุนไม่เท่ากัน ทุนที่ได้จะอยู่ประมาณ 25-75% ของทั้งหมด และที่เหลือจากทุนที่ได้รับผู้ปกครองจะเป็นผู้จ่าย
  4. มหาวิทยาลัยจะให้ทุนโดยตรงกับนักเรียน และจะทำงานกับนักเรียนโดยตรงหลังจากที่ได้รับทุนแล้ว
  5. ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆเช่น ค่าประกันสุขภาพ ค่าหนังสือ (แนะนำให้นักเรียนซื้อหนังสือมือสอง เพราะจะถูกมาก) ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าใช้จ่ายในระกว่างปิดเทอม เป็นต้น ไม่ได้รวมอยู่ในทุนของมหาวิทยาลัย
  6. ค่าใช้จ่ายค่าทำวีซ่า ค่าตั๋วเครื่องบินเที่ยวไปก่อนเดินทาง ไม่ได้รวมอยู่ในทุนของมหาวิทยาลัย
  7. สามารถสมัครได้ตลอดปี;
    • นักเรียนสามารถแจ้งความจำนงขอสมัครได้ตลอดปี เพราะมหาวิทยาลัย เปิดปีละสองเทอม
    • ปัญหาการเตรียมตัวของนักเรียนะไม่เหมือนกัน บางคนใช้เวลามากกว่าคนอื่นๆ เป็นต้น
  8. ไม่จำเป็นต้องมีผลภาก่อนที่จะสมัครได้;
    • เรื่องของภาษาเป็นส่วนหนึ่งของคุณสมบัติของนักเรียนในการสมัคร แต่เป็นเรื่องที่ยังไม่จำเป็นต้องมีผลของภาษาอังกฤษก่อนการสมัคร ถ้านักเรียนยังไม่ได้ไปสอบ สามารถมาทำงานและวางแผนร่วมกันต่อไปได้ภายหลัง

3.สาขาวิชาที่รับทุนเรียนได้

เป็นทุนจาก Liberal Arts University หรือมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ที่ให้ทุนจะเป็นทางด้านศิลปะศาสตร์ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยขนาดเล็กไปถึงขนาดกลางเป็นส่วนใหญ่ จะมีขนาดใหญ่บ้างแต่ไม่มากนัก มีมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐบาลและเอกชน รวมทั้งที่เป็นวิทยาลัยเก่าแก่ ที่ยังเรียกว่า college อยู่หลายแห่ง นักเรียนไทยหรือตางชาติที่จะรับทุนเรียนจึงจะเหมือนกับนักเรียนชาวอเมริกันที่เข้าใจในโครงสร้างเก่าแก่ของประเทศ และได้มีโอกาสไปเรียนกับมหาวิทยาลัยเหล่านี้ ซึ่งจะมีวัฒนธรรมต่างๆที่ยังรักษาไว้อยู่ แม้กระทั่งบางมหาวิทยาลัยที่เกิดขึ้นใหม่ ก็จะมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน จึงได้มีการให้ทุนที่ไม่เหมือนทั่วไป เพราะเขาอยากเปิดโอกาสให้คนทุกคน ไม่ใช่แต่คนเก่งอย่างเดียว นักเรียนจึงจะได้รับการดูแล ให้ความเอาใจใส่และช่วยเหลือ ประคับประคองให้จบให้ได้ทุกคน

วิชาที่ให้ทุนทาง “ศิลปะศาสตร์ หรือ Liberal Arts” เช่น

  • บริหารธุรกิจ (การบริหาร การตลาด การเงิน เศรษฐศาสตร์ บัญชี ฯลฯ)
  • สื่อสารมวลชน (Mass Communication)
  • รัฐศาสตร์ (Political Science)
  • ตอมพิวเตอร์ (Information Technology)
  • ภาษาศาสตร์ (Education, Languages)
  • วิทยาศาสตร์ (Pure Science)
  • วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering)
  • พยาบาลศาสตร์ (Nursing)
  • นิติศาสตร์ (Law)

วิชาที่เป็นวิชาชีพเฉพาะ ที่ไม่อยู่ในข่ายได้รับทุนของ ACSA เช่น

  • แพทย์ (ทุกสาขา)
  • สถาปนิก (Architecture)
  • การบิน (Aviation) เป็นต้น

4.คุณสมบัติของผู้ต้องการขอสมัครรับทุน

  1. กำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมปีที่ 5 หรือ 6 (สามารถสมัครรับทุนได้ตั้งแต่อยู่มัธยมปีที่ 5)
  2. กำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยหรือยังไม่จบมหาวิทยาลัย เพื่อขอเทียบโอนหน่วยกิตไปเรียนต่อ
  3. กำลังศึกษาอยู่ในระดับ ปวช. หรือ ปวส.
  4. คะแนนเฉลี่ย (GPA) ไม่ต่ำกว่า 0
  5. อายุไม่เกิน 25 ปี
  6. ไม่มีการสอบคัดเลือก ทุกคนขอรับทุนได้หมด ใครมาก่อนได้ก่อนจนกว่าจะหมดโควต้า
  7. คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง มีความสามารถจ่ายในส่วนที่เหลือจากทุนได้
  8. มีความตั้งใจที่จะไปเรียนจริงๆ
  9. ต้องรักษาสถานภาพไม่ให้สอบตก

 

5.ค่าใช้จ่าย จะแบ่งออกดังต่อไปนี้

5.1  ค่าใช้จ่ายในการสมัคร

  • ค่าสมัครของ ACSA
  • ค่าดำเนินการ ACSA Thailand
  • ค่า ACSA administrative fee
  • ค่าดำเนินการรับโควต้าและค่าดูแลนักเรียนในประเทศไทย

5.2  ค่าใข้จ่ายก่อนเดินทาง

  • ค่าทำพาสปอร์ต
  • ค่าดำเนินการขอวีซ่า (นักเรียนจะได้วีซ่า 5 ปี)
  • ค่าสอบภาษาอังกฤษ
  • ค่าตั๋วเครื่องบิน (เที่ยวเดียว

5.3  ค่าใช้จ่ายขณะที่กำลังศึกษาอยู่

  • ค่าเล่าเรียน ที่พักและอาหาร นอกเหนือไปจากที่ได้รับทุน
  • ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าประกันสุขภาพ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าหนังสือ ค่าใช้จ่ายตอนปิดเทอม

(นักเรียนจะสามารถทำงานในมหาวิทยาลัยในระหว่างเรียน 20 ชม.ต่อสัปดาห์ หรือไปหางานทำตอนปิดเทอม เช่น ร้านอาหารไทย เป็นต้น)

โดยนักเรียนจะได้รับรายละเอียดในขั้นตนอนต่างๆตามเอกสารเมื่อได้ติดต่อสอบถามเรื่องการสมัครขอรับทุน

6.การดำเนินการ

  1. เมื่อนักเรียนสมัครแล้ว ทางมูลนิธิ ACSA จะส่งรายชื่อมหาวิทยาลัยตามสาขาวิชาที่สมัครไปมาให้เลือก
  2. ในเอกสารที่ส่งมา จะมีรายละเอียดของแต่ละมหาวิทยาลัย ในเรื่องทุนที่ให้ ค่าใช้จ่ายที่ผู้ปกครองจะต้องจ่ายนอกเหนือจากทุนที่ให้มาแล้ว จะมีระดับภาษาอังกฤษที่ต้องการ เกรดเฉลี่ย ค่าประกันสุขภาพ ค่าหนังสือ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เป้นต้น
  3. ผู้ปกครอง นักเรียนและผู้แทนมูลนิธิในประเทศไทยจะมาช่วยกันดูรายละเอียดของแต่ละมหาวิทยาลัยสาขาวิชาที่สมัครเรียน ค่าใช้จ่ายที่ผู้ปกครองเลือก เมื่อเลือกแล้วก็จะกรอกเอกสารตอบรับการเลือกมหาวิทยาลัยกลับไปให้มูลนิธิ
  4. ทางมูลนิธิ จะคิดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ เป็นระยะๆ และเป็นค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นครั้งเดียว เพื่อใช้ในการดำเนินการ ให้คำปรึกษาและการดูแลนักเรียนไปตลอด 4-5 ปี ที่ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย

7.การแสดงความจำนงและสอบถามในการขอรับทุน

เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง และรายละเอียดทั้งหมด ให้นักเรียนแจ้งความจำนง ของสอบถามเรื่องการสมัครขอรับทุน ก็จะได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ สามารถสอบถามถึงข้อสงสัยได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน ค่าใช้จ่าย เป็นต้น โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น จนกว่านักเรียนและผู้ปกครองจะเข้าใจชัดเจน และสมัครใจที่จะขอรับทุน ก็จะเป็นขั้นตอนการดำเนินการต่อไป

(Update: 22 September 2017)