FAQ

รวบรวมคำถามเรื่องต่างๆที่ผู้ปกครองถามมา เป็นความรู้ในการเลือกการเรียนของลูก รวมไปถึงข้อมูลในการไปเรียนต่างประเทศ

ผู้ให้ข้อมูลดร. ทัชชกรภ์ นิ่มสกุลธำรง

สถาบัน:   Providence Education Language Immersion Camp (PELIC)

ผู้คัดเลือกทุนปริญญาตรีของมูลนิธิ American Collegiate Scholarship Association – ACSA จากมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชน 70-200 แห่ง เพื่อไปเรียนในอเมริกา โดยเป็นผู้แทน แต่ผู้เดียวในประเทศไทย

บันทึกเมื่อ:  สิงหาคม 2560

 

เรื่อง canteen ในมหาวิทยาลัย เนื่องจากทุน ACSA คลอบคลุมค่าเล่าเรียน หอพักในมหาวิทยาลัยและอาหารอีก 3 มื้อ

PELIC:

มีผู้ปกครองและนักเรียนถามมาว่า การกินอาหารเพียงพอไหม ก็เลยมีเรื่องเล่าเดี่ยวกับเรื่องห้องอาหาร canteen ในมหาวิทยาลัยมาเล่าให้ฟัง คือเด็กๆเขาบางทีดูหนังสือดึกก็หิว ปรากฏว่าทาง canteen ใจดีมีกล่องให้ยืม ใส่อาหารเอาไปทานในห้องด้วย อะไรเหลือ ผลไม้ เครื่องดื่ม ได้หมด เด็กๆก็อิ่มหมีพลีมัน …เมื่อไปอยู่ต่างประเทศแล้ว ก็ต้องปรับตัวให้ชอบอาหาร ให้ได้ แต่ส่วนใหญ่ก็มีอาหารหลากหลาย ของชาติต่างๆ และถ้าได้ไปทำงานในห้องอาหารก็ยิ่งดีใหญ่ ได้ทำอาหารไทยทานด้วย

การประหยัดเงิน เพราะอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัย รวมทั้งอาหารอีก 3 มื้อต่อวัน

PELIC:

สรุปก็คือเป็นโครงการที่มีทุกอย่างรวมอยู่แล้ว การเรียน ที่อยู่และอาหารการกิน ไม่ต้องเสียค่าเดินทางประหยัดไปหลายอย่าง บางคนบอกว่าไม่ได้ใช้เงินเลย หรือน้อยมาก ที่พ่อแม่ให้ สามสี่พันบาทถึงเจ็ดพันบาทต่อเดือน ยังไม่หมดเลยค่ะ อยู่เมืองไทยใช้มากกว่าเยอะถ้าวางแผนการเงินดีๆ กลายเป็นค่าใช้จ่ายถูกกว่าเรียนอินเตอร์บ้านเราเสียอีก

ผู้ปกครอง:

น่าจะถูกกว่าเรียนอินเตอร์จุฬาครับ รวมๆต่อปีทุกค่าก็น่าจะเกิน 500,000

คุณสมบัติของผู้ที่รับทุน ACSA ได้

ผู้ปกครอง:

เด็กๆ ที่จบ high school มาจาก NZ มีสิทธิรับทุนนี้ได้หรือเปล่า

PELIC:

แค่อย่าให้การเรียนต่ำกว่า GPA2.0 ก็มาสมัครติดต่อคุยกัน วางแผนกันเรื่องทุนได้เลย

  • ไม่มีการสอบคัดเลือก ใครสมัครก่อนได้ก่อน จากทุน 100 ทุน
  • อยู่มัธยม 5 ก็ควรที่จะมาเริ่มรับทุนได้แล้ว ตอนนี้มีนักเรียนมัธยม 5 เริ่มมาขอรับทุนกันมากขึ้นทุกปีเมื่อทราบว่าได้ทุนแล้ว ก็จะไม่ต้องไปเตรียมการเอนทรานซ์ ในประเทศไทย เตรียมแต่ภาษาอังกฤษอย่างเดียว
  • เราจะมีเด็กที่ได้ทุนแลกเปลี่ยนมัธยม ซึ่งไปเมืองนอกแล้ว ส่วนใหญ่อยากเรียนต่อเมืองนอก
  • สอบเทียบ GED ไปได้ สำหรับเด็กไทย
  • เนื่องจากเขาให้ทุนไป 38 ประเทศ มันหดไปทุกวัน จำเป็นต้องรีบตัดสินใจให้เร็วที่สุด และทาง PELIC

จะให้ข้อมูลอย่างละเอียด รวมทั้งค่าใช้จ่ายทุกอย่างตลอด 4 ปี เมื่อทราบว่าจะไปเรียนอะไรแล้ว ที่มหาวิทยาลัยไหน จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เตรียมตัวได้แต่เนิ่นๆ และวางแผนการเงินการคลังได้ก่อนเสียแต่เนิ่นๆ

คณะที่มีทุนเพิ่มเติม คือ วิศวกรรมศาสตร์ และพยาบาลศาสตร์กับ IT

  • ด้านวิศวกรรมศาสตร์ พึ่งมีปีนี้เอง ประมาณ 10 กว่ามหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชน
  • ACSA เป็นทุนที่ได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก เอกสารใช้นิดเดียว เทียบกับที่อื่นแล้ว
  • รายชื่อที่มีเป็นของมหาวิทยาลัยและสาขาที่เปิด และมีราคาเต็มที่ต้องจ่าย ซึ่งถูกกว่าปกติ คือค่าเรียนค่าหอพักและอาหาร รวมกันแล้ว แต่ละมหาฯจะให้ทุนไม่เท่ากันนะคะ
  • คณะพยาบาลศาสตร์ก็พึ่งได้มาปีนี้ สิบกว่าแห่ง พยาบาลเงินเดือนปีหนึ่งในอเมริกา ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาทต่อปี
  • ส่วนคนที่เก่งและดีเด่นทางกีฬาและดนตรี จะสามารถขอทุนฟรี 100% ได้ด้วย หมายถึงเป็นความสามารถพิเศษ ไม่ได้ไปเรียนสาขาวิชาชีพอื่นๆ ต้องเรียนสาขาดนตรีหรือกีฬาเพื่อเป็นมืออาชีพ ประเทศอเมริกาเขาสนับสนุนทั้งกีฬาและดนตรี
  • สำหรับปีนี้ ได้รายชื่อที่ให้ทุนด้าน IT เพิ่มขึ้น และนักเรียนม.6 ปีสนใจหลายคนเพิ่มขึ้นมาก

ความเห็นเพิ่มเติม สำหรับเรื่องทุน ACSA

  • ถ้าคุณพ่อคุณแม่พอส่งไหว สนับสนุนให้ลูกไปอเมริกาดีที่สุด เป็นทุนที่ดีมากๆแห่งเดียวในโลกนี้มีแห่งเดียวเพราะเป็นทุนที่มาจาก 70-200 มหาวิทยาลัยมากมายทีเดียวที่ให้มารวมในในมูลนิธิแห่งเดียวนี้
  • ประเทศอเมริกาก็มีการศึกษาเป็นดีที่สุดในโลก
  • ประเทศนี้อยู่ง่าย เรียนง่าย

เรื่องการย้ายไปมหาวิทยาลัยไปที่อื่นและการตัดสินใจเข้าเรียนในระดับปริญญาตรี

ผู้ปกครอง:

ขอสอบถามเพิ่มเติมนะคะ เด็กๆ สามารถย้าย ได้ไหม เมื่อเรียนไปแล้วสัก 1-2 ปี เช่น ขอทุนไปต่อสาขาเดิมที่ Stanford หรือ MIT

ผู้ปกครอง อีกท่านหนึ่ง:

Stanford กับ MIT ไป ป.ตรียากมาก นอกจากจะเป็นทุนรัฐบาล และเป็นเด็กระดับ โอลิมปิก เพราะ 2 ที่นี้ ดีกรี Top 5 world ranking  และผมก็ตั้งเป้าลูกชายไป ป.โท Aerospace MIT ตอนนี้ ISE Aeroฯ จุฬาอยู่

PELIC:

  • ไม่มีปัญหา ได้แน่นอน และเรา มีตัวอย่างน้องเบญ  นักเรียน ของเราก็กำลังจะทำเรื่องขอย้ายเช่นกัน
  • วิธีการที่จะแนะนำให้ทำ  ในการย้ายโรงเรียน ก็คือ ให้เขาเรียนในมหาวิทยาลัยที่เรามีทุนให้ และมีสาขา
  • ใกล้เคียงกัน แล้วทำคะแนนให้ดีๆ สูงๆ จะทำได้ง่ายกว่าไปมหาวิทยาลัยที่ดังๆ elite university ตั้งแต่ปี 1 คือเมื่อรับทุนของ ACSA แล้วเรียนไปสัก 1-2 ปี ก็เอาคะแนนไปสมัครเข้า Stanford or MIT จะเข้าได้ง่าย เพราะเขาดูคะแนนและต้นทุนคือมาจากมหาวิทยาลัยในอเมริกา
  • วิธีนี้รับรองหามหาวิทยาลัยดังๆ ได้ง่ายกว่าไปแย่งกันเข้าในปี 1 กับนักเรียนทั่วโลก

ผู้ปกครอง:

  •  ที่นี้ ไปเรียน โท น่าจะง่ายกว่าครับ เรียนจุฬา มก วิศวะ สาขา Aero ก่อน

PELIC:

  • ถ้าเริ่มปริญญาตรีในต่างประเทศได้ นักเรียนก็จะมีภาษามากตรง เรื่องของภาษา การหางานทำ และเพื่อนๆต่างประเทศที่เรียนด้วยกันมา ยิ่งถ้าได้เรียนในมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียง (ถ้ามีการวางแผนการดีๆก่อน) และการได้ชื่อว่าเป็นนักเรียนทุนก็มีภาษีดีกว่าด้วย
  • ก็คือ เด็กที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยดังๆทั้งหลาย เข้ายากอยู่แล้ว แต่จะตกกันมาก เพราะเรียนไม่รอดกระดูกไม่แข็งพอ ก็เลยมีที่ว่างในปี 3-4 มากพอดู นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยดังๆในขณะนี้ อยากจะให้ค่อยๆอ่านตามไป  เพราะมันมีความ sensitive ในการวางแผนการเรียนของลูกพอสมควรสำหรับผู้ปกครอง
  • ใน case ของต้องเบญ ตัดสินใจรับทุนไปเรียนที่ Carroll University at Wisconsin .. น้องเก่งอยู่แล้วภาษาได้ TOEFL iBT98 ประมาณ requirement ของปริญญาโท-เอก ….เบญไปเรียน Biology ปรากฏว่าสองเทอมแรก น้องได้ติด dean list คะแนน 4.0 ได้ทุนวิจัยจาก Dean ทั้งสองเทอม … ตอนนี้กำลังจะกลับไปเรียนปี 2 … มีความเป็นไปได้ว่าในปี 2 นี้อาจจะทำเรื่อง ไปต่อที่ Stanford และมีสิทธิได้ทุนด้วย ซึ่งACSA จะไม่มีทุนจากมหาวิทยาลัยระดับ elite ซึ่งแย่งกันเข้าอยู่แล้ว โดยใช้ ACSA เป็น stepping stone ทางผ่านที่ดีทีเดียว
  • เพราะฉะนั้น นี่เป็นทางลัดเข้าไปสู่มหาฯระดับโลก โดยไปเรียนวิทยายุทธในมหาวิทยาลัยในระดับรองก่อนให้กระดูกเบอร์แข็งขึ้นมาก่อน แถมต้นทุนสูง เพราะเรียนอยู่ในอเมริกาอยู่แล้ว การตอบรับจากมหาวิทยาลัยจะง่ายมาก ขอให้คะแนนดีเท่านั้น ประวัติดี มีที่เหลือให้เข้าไปสบายๆ อย่างที่เล่าให้ฟัง
  • เรามีรูปที่น้องเบญส่งมาให้เราตอนทำ research เทอมแรก ของปี 1 และได้ทุนในเทอม 2 อีกเช่นกัน คะแนน GPA 4.0 ทั้งสองเทอม ซึ่งโอกาสแบบนี้ในเมืองไทยหายากมาก
  • ต่อไปเรามาคุยกันเรื่องวางแผนการ

ผู้ปกครอง:  

ถ้าไป MIT Stanford ได้ตั้งแต่ ป.ตรีก็น่าสนครับ Aerospace Engineer

PELIC:

  • ถ้าคุณพ่อคุณแม่มีลูกที่เก่งจริงๆ เตรียมภาษาอังกฤษให้ดี เรามีความหวังแล้ว ต้นทุนที่ 1 พร้อมแล้ว .. ต้นทุนที่ 2 คุณพ่อคุณแม่กัดฟัน ส่งโดยมารับทุนที่เราโดยตั้งเป้าไว้ประมาณ 1-2 ปี พอคะแนนเขาได้ เกือบ 4.0 หรือ เต็ม เราก็จะให้เขาสมัครเข้า Stanford or MIT ตามที่คาดหวังไว้ แถมได้ทุนอีก .. มากหรือน้อยอยู่ที่ผลงานของเด็ก เผลอๆน้องๆได้งานทำอีก งานวิจัย TA (teacher assistance), etc.
  • ที่แนะนำมานี้ เป็นทฤษฏีที่พวกเราพวกอาจารย์ ที่ทำงานและสอนในมหาวิทยาลัยในอเมริกาทราบดีได้แนะนำและช่วยลูกศิษย์ลูกหาเขียนใบสมัครกันแบบนี้
  • ยกอีกตัวอย่างหนึ่งนะคะ น้องออร์เดอร์ที่ไปเรียน political science น้องไม่ได้วางแผนแบบข้างต้น เผอิญไปเรียนได้เทอมเดียวคะแนน เกือบ 4.0 มหัศจรรย์มากรายนี้ เขากลับมาทำธุระเรื่องทหาร กลับมาเป็นคนละคน มีความมั่นใจสูงมาก เยือกเย็น มีระเบียบในการแสดงความคิดอ่าน เขาก็เลยคิดจะทำคะแนนให้ดีขึ้น แล้วไปหาทุนต่อในมหาวิทยาลัยดังๆ เพื่อจะก้าวไปสู่ความหวังที่จะเป็น นักการทูตในอนาคต
  • มีข้อคิดเพิ่มเติมนะคะ คือการเรียนในมหาวิทยาลัยในประเทศไทยกับอเมริกาก็ผิดกันมาก ระบบของเราเช่นรับน้อง เด็กกวดวิชาไปก่อนเรียน บางโรงเรียนเอาวิชาปีหนึ่งมาสอน เด็กเก่งๆหลายคนตกม้าตาย ในปีหนึ่งนี่แหละ แต่เมืองนอกเขากับเป็นที่บ่มเพาะ(incubate) นักเรียน โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยขนาดเล็กไปถึงขนาดกลางส่วนใหญ่ที่เราให้ทุนเหล่านี้ เด็กจะเก่งโดยการเรียนรู้แบบสบายๆ ไม่เครียดมากนักทำให้พวกเขามีกำลังใจมาก พอเก่งเขาก็ย้ายไปมหาวิทยาลัยดังๆต่อ …. สิ่งที่น่าสนใจคือ การที่ได้ชื่อว่าเป็นนักเรียนทุน มันเป็นเครดิตติดตัวไปจนตาย
  • ทาง PELIC ทำงานกับมหาวิทยาลัยเหล่านี้ เขาเอาใจใส่นักเรียนมาก
  • เด็กทุกคนไม่จำเป็นต้องเก่งแบบน้องเบญทุกคน ก็มีโอกาสเหมือนกัน ตามทางของแต่ละคน วางแผนดีๆไปโลดหมดทุกคน เรียนเก่งไม่เก่ง เอาที่ใจตัวเดียว
  • PELIC สามารถวางแผนในการแนะแนวคุณพ่อคุณแม่และเด็กๆกัน ให้มีทางเลือกหลายๆทาง  ทำออกมาเป็น text ให้ไปในแนวทางตามที่เหมาะสมกับแต่ละคน จะได้ทำให้ทุกคนทำได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องอ้อมไปอ้อมมา โดยใช่เหตุ
  • ถ้าเราวางแผนให้ดีๆน้องไปได้โลด และไม่เครียด จะเป็นคนที่มีความสุขมาก ในกรณีที่ถ้ามีแผนรับทุน ACSA เพื่อไปต่อปริญญาตรีในอเมริกาแล้ว น้องก็ไม่ต้องไปทำอะไรหรือสอบอะไรที่นักเรียนในประเทศไทย เผชิญอยู่ตอนนี้ เอาแค่เรียนให้จบม.6 และเตรียมเรื่องภาษาอังกฤษอย่างเดียว
  • เด็กที่มาสมัครทุน ACSA ตั้งแต่ม.5 ตอนนี้เรียนอย่างสบาย มีความสุขมาก เป็นที่อิจฉาของเพื่อนๆในห้องเรียน …เรื่องนี้ฟังดูอาจจะไม่สำคัญอะไร แต่ในความเป็นจริง เด็กเขาเครียดกันมาก กับการเรียนการกวดวิชา และกิจกรรมต่างๆที่บังคับ แทบจะไม่มีเวลาหายใจ ความสุขที่พวกเขาควรจะมีในวัยเรียนหายไปหมดค่ะ น่าเห็นใจจริงๆ

ผู้ปกครอง:

  • ตอนนี้น้องเรียน EP อยู่ค่ะ กลับมาก็ต่อ ม.5 EP แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเรียนสายวิทย์หรือศิลป์  น้องยังลังเลไม่รู้ตัวเองชอบอะไรกันแน่ค่ะ แม่เลยช่วยหาข้อมูล น้องเรียน Bilingual ม่ตั้งแต่KG1-ป.6 และมาต่อ EP ม.ต้น ตอนนี้เรียนทุกวิชาเป็น Eng.  ยกเว้นภาษาไทย กับ ลูกเสือ น้องพูด Eng ได้ค่ะ และเกรด ม.ปลายควรให้สูงๆไว้ ไหมค่ะ เกรดมีส่วนในการพิจารณา%การให้ทุนไหม ต้องสอบ ielts รอไว้ไหมค่ะ ควรให้ได้ IELTS สักเท่าไหร่ค่ะ เพื่อยื่นขอทุน

PELIC:

  • เกรดไม่มีส่วนในทุนมากเท่าไหร่ค่ะ คือถ้าเกรดสูงก็มีโอกาสเลือกมหาวิทยาลัยได้มากขึ้นเท่านั้นเองค่ะ ส่วนเรื่องภาษาอังกฤษยังไม่จำเป็นต้องไปสอบ เพราะแต่ละมหาวิทยาลัยก็ต้องการผลที่ไม่เท่าไหร่ เอาไว้อยู่ ม.5-6 ค่อยมาเตรียมกันในการสอบ เพราะทราบว่าต้องได้เท่าไหร่ และอยู่ EP อยู่แล้ว ไม่เป็นห่วงเรื่องภาษาของน้อง
  • ส่วนสายวิทย์และศิลป์ก็มี impact กับนักเรียนนะคะ ถ้าทราบแล้วว่าจะเรียนทางด้านไหน เราก็จะเลือกได้ เพราะว่าบางทีเขาไปเลือกวิทย์ แต่ชอบด้านศิลปฯ ภาษา ก็จะไปเรียนที่ไม่ได้เอามาใช้ เป็นวิธีคิดแบบหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม โดยพื้นฐาน นักเรียนต้องมี คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม ภาษา กันทุกคนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะไปอยู่วิทย์หรือศิลป์ … อีกวิธีหนึ่งก็คือ ถ้าเขาไม่ชอบ physic, เคมี ก็ต้องหลีกเลี่ยงสายวิทย์ไปเลย เพราะมันจะฉุดเขา …ถ้าเป็นไปได้ผู้ปกครองต้องสังเกตว่าลูกๆเขาชอบอะไร สนใจอะไรในชีวิตประจำวันด้วย หนังสือที่อ่าน ความสนใจในกิจกรรมอะไรในโรงเรียน เป็นต้น  บางทีเด็กๆเขาก็ไม่สามารถบอกได้จริงๆว่าชอบอะไร อย่างเป็นอะไร ต้องมีตัวช่วยด้วย เพราะทั้งวิทย์และศิลป์ มีความสำคัญเท่าๆกันค่ะ
  • มีนักเรียนหลายคนเลือกผิด เช่นไปเลือกวิทย์ เพราะคิดว่าเกรดดีกว่า พอเรียนไปตัวเองชอบศิลป์ ไปได้ดีทางศิลป์ ก็โดนวิชาที่ไม่ชอบทำคะแนนได้ไม่ดี เห็นมาเยอะมากค่ะ น่าเสียดาย
  • ถ้ารับทุน ACSA แล้ว ภาษาเตรียมมุ่งไปเลย และเน้นการพูดและฟังให้มากๆ จำเป็นมาก แต่ยังไม่ต้องไปสอบอะไรทั้งสิ้น ยังไม่จำเป็น Communicative English การสื่อสาร ที่จำเป็นที่สุด ทั้งพูดอ่านเขียนฟังและไวยากรณ์ ครบหมด

ผู้ปกครอง:

  • ปัญหาของลูกตอนนี้ คือจะเลือกเรียนอะไรก็ไม่แน่ใจ คือเขาเรียน ได้ GPA 4.0   มีแต่คนแนะว่ามีโอกาสก็น่าจะเรียนสายวิทย์ เกรดก็ถึงน่าเสียดาย แต่แม่ดูแล้วเหมือนเขาจะถนัดทางวิชาภาษา ลูกเองก็สับสนบ่นว่าเขาเป็นเด็กแค่นี้ จะให้เขารู่ได้ไงว่าเขาชอบอะไรจริงๆ ทำไมต้องบังคับเลือก ทำให้คนเป็นแม่ก็เครียดกับลูกไปด้วย

PELIC:

  • ขออนุญาตแนะนำคุณแม่ การเรียนสายวิทย์และศิลป์มีความสำคัญเท่ากัน  ถ้าเขาไปด้านภาษา ให้ไปสายศิลป์เลย อย่าไปติดยึดว่าคะแนน 4.0 และคนเก่งต้องไปสายวิทย์ หรือไปเรียนแพทย์ วิศวฯ อย่างเดียว น้องเขาพูดถูกที่สุดแล้ว  ถนัดอะไรก็ไปตรงนั้นค่ะ จะได้ไม่ทรมาน ไปเรียนที่ไม่ชอบ และเรียนไม่ได้ดี และทำให้คะแนนจะถูกฉุดด้วย ให้เขาเรียนที่ถนัดที่สุด เขาจะมีความสุขที่สุด ปรึกษาและถามที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญไปด้วย เพราะเด็กหลายคนเลือกผิดแล้วน่าสงสาร มาเสียใจภายหลัง

ผู้ปกครอง:

  • อาจารย์มีประสบการณ์เยอะ เห็นมาเยอะ น่าจะจริงที่เด็กเลือกเรียนตามเพื่อนๆก็เยอะมาก

PELIC:

  • ในสังคมไทยส่วนใหญ่ขณะนี้ ทั้งผู้ใหญ่และ เด็กไปแบ่งเกรดวิทย์กับศิลป์  นี่คือค่าความนิยม ซึ่งผิดไปหมด คนไทยเราจะเอาแพทย์ วิศวฯ นำก่อน

ผู้ปกครอง:

  • คงต้องจับเข่าคุยกับพ่อเขาอีก พ่อเขาก็อยากแต่จะให้เรียนสายวิทย์ไว้ก่อน  ด้วยแนวคิดที่ว่า มีสายอาชีพให้เลือกเยอะกว่า และไม่ชอบก็เปลี่ยนไปสอบศิลป์ได้

PELIC:

  • แนะนำให้เปิดอกคุยกันทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูกด้วย เขาต้องมีสิทธิในการเลือกทางชีวิตของเขา เพียงแต่ว่า ตัว core course ที่เป็นพื้นฐาน เช่นคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม ภาษา ต้องให้ครบไว้ ไปเรียนสายวิชาไหนก็ต้องมีพื้นฐาน จะได้ง่ายๆขึ้นอีก และจริงๆแล้วสายอาชีพทางศิลปะศาสตร์มีให้เลือกมาย

ผู้ปกครอง:

  • สนใจทุนแพทย์ แต่อ่านแล้ว ไม่มี

PELIC:  

  • สำหรับเรื่องการเรียนแพทย์นั้น ที่อเมริกาต้องจบปริญญาตรีก่อน เรามีทุนปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์แล้วค่อยไปต่อแพทย์ได้ แต่ไม่มีทุนด้านแพทย์ เพราะถือว่าเป็นระดับ postgraduate ไปแล้ว

ผู้ปกครอง:

  • เด็กเข้ามหาลัยน้อยลง มหาลัยขาดแคลน นักเรียน การไปอเมริกาน่าจะหาทุนไม่ยาก ทุกคณะ ทุกสาขา

PELIC:

  • ท่านใดมีลูกเก่งๆ เพื่อจะหาทุน นอกจาก ACSA แล้ว เราก็ให้คำปรึกษาเป็นรายๆไปได้ หนทางมีสำหรับคนเก่งและตั้งใจจริงๆ ..เอาเฉพาะอเมริกานะคะ ถ้าไปประเทศอื่นๆไม่สามารถทำให้ได้เพราะเรามุ่งมาทางนี้โดยเฉพาะ
  • ตอนนี้ มีคุณพ่อท่านหนึ่งมาปรึกษา ขอเอาลูกเข้าโรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดในอเมริกา เพื่อเตรียมลูกเข้าสู่มหาวิทยาลัยระดับ elite university … งานนี้เป็นเรื่องที่ยากและต้องวางแผนการอย่างดีปกติถ้าไม่มี connection ก็เข้าไป ต้องผ่านด่าน ไม่ง่ายเลย เพราะลูกคนระดับบิ๊กๆทั้งนั้น จองกันอยู่แล้ว เขาเตรียมลูกเพื่อให้เป็น celebrity โดยเฉพาะ เช่นนักธุรกิจ นักการเมือง ฯลฯ เป็นต้น … ทาง PELIC มีพร้อมที่จะทำให้ได้ ไม่มีปัญหา แต่ต้อง counseling เป็นคนๆไป

ผู้ปกครอง:

  • เรียนถามว่า ถ้าไปแต่  U. ที่อเมริกาโดยใช้วุฒิ NCEA ของ NZ ต้องเป็น L.2 หรือ L.3 คะ

PELIC:

  • L.2 and L.3 ซึ่งเทียบเท่ากับม.6 และ ม.7  เพราะระบบของอังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เขาเรียนถึง ม.7 หรือ grade 13 แล้วต่อมหาวิทยาลัย อีก 3 ปีค่ะ บางที่เขาก็เรียกว่า Foundationเอาเกรด 12 ไปต่อที่อเมริกาได้เลย
  • ถ้านักเรียนจบ 2 หรือ เกรด 12 ถ้าจะเรียนต่อในนิวซีแลนด์ ก็สามารถต่อ ไป เกรด13 ในโรงเรียนมัธยมต่อไป หรือไปเรียน foundation ในมหาวิทยาลัยนั้นๆที่นักเรียนจะเรียนต่อในปริญญาตรีที่นั่นเท่านั้น แต่เอาไปใช้กับที่อื่นหรือมหาฯอื่นไม่ได้ เหมือนพวก direct entry  การเรียน foundationนั้นก็จะดีตรงที่ไปเลือกเรียนวิชาที่จะเข้าต่อในสาขานั้นได้เลยของมหาวิทยาลัยนั้นๆ ในกรณีที่จะไปเรียนที่อเมริกา ก็ไม่ต้องเรียนต่อ หรือถ้าจะมาเรียนในเมืองไทย ก็สามารถเอามาเทียบกับม.6 ได้เลย
  • ระบบของทุกประเทศ ตอนนี้ประสานต่อเนื่องกันได้หมด ไม่มีอะไรยุ่งยากนักค่ะ อเมริการับง่ายมากเขาเข้าใจระบบต่างๆ เพราะมีประสบการณ์นักเรียนไปเรียนจากทั่วโลก แถมยังมีการสอบเทียบคือGED มาอีก ใครสอบเทียบได้ก็เลือกเอาตัวที่คะแนนดีไปใช้เลย หรือ ส่งแต่ GED ก็ได้ค่ะ….ตั้งแต่ทำงานมา ก็ยอมรับว่าอเมริกาเขามีความยืดหยุ่นมากในเรื่องการเรียน คนไม่จบม.6 แต่อายุเกินระดับม.6 มีประสบการณ์ทำงานหลายปี ก็สามารถเข้าเรียนในระดับปริญญาตรีได้บางทีข้ามไปปริญญาโทเลยก็ได้ เพราะเขาเอาความสามารถของบุคคลมากกว่ากระดาษใบหนึ่งค่ะที่เมืองไทยเรายังติดยึดอยู่ แต่ก็เริ่มเปลี่ยนแล้วนะคะ ขอให้ภาษาได้เท่านั้น เขาให้โอกาสคนตลอดชีวิต

ผู้ปกครอง:

  • ยังมีข้อสงสัยอีกนิด ว่ามันมีวิธีการไหนบ้างที่เราจะสามารถขอ rate ค่าเทอมของอเมริกาเป็น in-state  หรือจำเป็นต้องเป็นคนของเค้าอย่างเดียว

PELIC:

  • คงต้องถือ green card หรือเป็น citizen อย่างเดียว
  • แต่นักเรียนโรงเรียนรัฐบาล เด็กเรียนฟรี ไม่ว่าจะมาจากที่ไหน แต่บางแห่งเห็นว่าไม่ได้แล้ว ขึ้นอยู่กับชุมชน เพราะเป็นเงินภาษาของเขา …ก่อนนี้เอาเด็กไปอยู่กับคนอเมริกันหรือ permanent residence ก็เดินไปสมัครเรียนโรงเรียนใกล้บ้านได้เลย ฟรีหมด ได้แม้กระทั่งคูปองอาหารค่ะ ตั้งแต่ประถมจนจบม.6 (เกรด 12)

ผู้ปกครอง:

  • สำหรับทุน ACSA นี้ เป็นประมาณ Community  College ใช่หรือเปล่า คือ เราเรียนที่นี่ประมาณ 2 ปี เพื่อเข้าหรือหา U. ดีๆ ต่อปริญญาตรีต่อไป

PELIC:

  • ทุนของ ACSA ไม่มี community college เป็นมหาวิทยาลัย 4 ปีทั้งหมด
  • เรื่องการเรียนใน community college นั้นการเรียนที่นี่เป็นการเรียนแบบ ส่วนใหญ่สำหรับนักเรียนอยู่ที่เมืองนั้นๆ และสำหรับผู้ใหญ่ แบบวิทยาลัยชุมชนที่ได้ดำเนินการในเมืองไทยมาแล้วแถวชายแดน เหมือนโรงเรียนผู้ใหญ่ เด็กไปเรียนก็ไม่มีบรรยากาศของมหาวิทยาลัยมากนัก เพราะมีหลักสูตรต่างๆ สั้นๆ เยอะแยะไปหมดค่ะ และตอนนี้ราคาค่าเรียนก็อยู่ประมาณโดยเฉลี่ยUS$18,000.00 ต่อปี เฉพาะค่าเรียนอย่างเดียวเท่านั้น
  • สำหรับทุนของ ACSA หลายๆท่านเห็นชื่อมหาวิทยาลัย เป็น college จะเข้าใจว่าเป็นวิทยาลัยที่สอน 2 ปี อันที่จริงแล้วที่เห็นใน university list ที่ส่งให้นักเรียนเมื่อเลือกสมัครทุนแล้วนั้น จะมี college, university ทั้งของรัฐและเอกชน … college จะเป็นเอกชนมากกว่า ในที่นี้จะเป็นการสอนในระดับมหาวิทยาลัย หรืออุดมศึกษา แต่ในสมัยก่อนเขาเรียน college กันเป็นส่วนใหญ่และส่วนมากจะเก่าแก่ มีอายุบางแห่งเป็นร้อยๆปี เขาก็ถือว่าเขามีชื่อเสียงมาก ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็น university  … เลยทำให้ผู้ปกครองหลายท่านเข้าใจผิดไป เพราะหลายๆประเทศเขาเรียกวิทยาลัยว่า college

เรื่องค่านิยมที่ผู้ปกครองจะให้ลูกเรียนปริญญาตรีในประเทศไทย

PELIC:

  • เรื่องค่านิยมของผู้ปกครองตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ที่เชื่อว่า การให้ลูกเรียนปริญญาตรีในประเทศไทยนั้น ดีกว่าไปเมืองนอก เพราะจะได้มีเพื่อนฝูง เพื่อการช่วยเหลือกัน การมีเครือข่ายในอนาคตการทำงาน
  • ซึ่งดิฉันว่ามันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ที่อยากจะเรียนนำเสนอ ในโอกาสนี้ เพราะมีประสบการณ์ทำงานกับนักเรียนมาเยอะมาก ดังต่อไปนี้
  • ข้อเสีย  สำหรับการเรียนปริญญาตรีในเมืองนอก
  1. ราคาแพง
  2. ไม่มีเพื่อนคนไทยมาก เช่นการได้เรียนในเมืองไทย
  3. อาจจะไปรับเอาค่านิยม หรือวัฒนธรรมของฝรั่งมา ที่ไม่น่ารัก
  4.   คิดถึงบ้าน
  5. พ่อแม่เป็นห่วง ความเป็นอยู่ จะเอาตัวเองรอดไหม จะมีอันตรายไหม มีวุฒิภาวะพอที่จะอยู่เมืองนอกเองได้หรือเปล่า

ผู้ปกครอง:

  • อันนี้ขออนุญาตนะคะ อาจจะเป็นความเห็นต่าง ซึ่งประสบการณ์ที่เราได้รับรู้ และเกิดการเรียนรู้แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ที่ผ่านชีวิตกันมา
  • ดิฉันเองเป็น นร.ทุนค่ะ ไปเรียน ป.โท ที่ university of pennsylvania ปี 97 gerontological nurse practitioner ณ ตอนนั้น สาขานี้ คือ อันดับ 1 ของ USA
  • ได้เจอน้องๆ undergrate ป.ตรี ชีวิตมีความสุขมาก มีทั้งเด็กทุนคิง ทุนส่วนตัว ตั้งใจเรียนมากตั้งใจเรียนน้อย ลั้นลา มี หลากหลายค่ะ (มองมุมแม่แล้ว เด็กบางคนเราเสียดายเงินแทน ผปค.ค่ะ เด็กทุนเล่าเรียนหลวง เค้าสุดยอดจริงๆ)
  • พอเราโตเป็นแม่คน เป็นข้าราชการซึ่งมีเงินเดือนไม่มากพอที่จะส่งลูกเรียนต่างประเทศได้ แต่เรามีความตั้งใจที่จะปลูกปั้นเค้าให้โตขึ้นมาอย่างมีความสุข และเป็นคนดีทำประโยชน์ให้สังคม แผนชีวิตที่แม่ลูกก็ตกลงกันไว้ คือ
    • แม่เป็น supporter ให้ได้ทุกอย่างทางด้านการศึกษา ขอให้บอกว่าอยากได้อะไร , ศักยภาพลูกมีเท่าไหร่/ proof มาให้แม่เห็น
    • ลูก อยากไปต่อเมืองนอก (ลูกเรียนให้ดี ให้ได้ทุนแบบแม่สิ บ้านเราข้าราชการเงินเดือนน้อย ป.โท พอส่งให้ได้ แต่ ป.ตรี หาเอง)
    • ลูก งั้นหาทุน ป.ตรีเอง หรือ ทุนสมทบ exchange เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อน
  • ข้อตกลงอันนี้ เป็นเฉพาะบ้านนะคะ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมค่ะ ขออภัยเขียนยาวเลยสนุกดีค่ะ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์

PELIC:

ขอบคุณที่ได้รับข้อคิดเพิ่มเติมมาค่ะ

PELIC:

ส่วนข้อดี

  1. เผอิญว่ามีทุน ACSA ซึ่งได้ทุ่นค่าใช้จ่ายไปมาก หลายๆครอบครัวก็สามารถที่จะส่งบุตรหลานได้
  2. ความปลอดภัยมีมาก ด้วยทางมหาวิทยาลัยให้ทุนค่าหอพักด้วย และบังคับให้อยู่ในหอพักตลอด 4 ปีที่เรียน  มีความสะดวกสบาย ไม่ต้องเดินทาง ไม่เปลืองค่าใช้จ่าย  มหาวิทยาลัยมีแผนก ต่างประเทศ ที่ค่อยดูแลนักเรียนอย่างดี
  3. เด็กสมัยนี้เขามีข้อมูลทั่วโลก การติดต่อสื่อสารใกล้ชิดกันมาก ความคิดถึงบ้านก็จะมีอยู่แต่ไม่รุนแรงเหมือนสมัยก่อน
  4. ทุนนี้เป็นทุนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ที่ต้องการให้คนไทยได้ไปเรียนรู้วัฒนธรรมของอเมริกัน เขาก็จะมีโครงการและกิจกรรมต่างๆที่ดี และทางเรา ทางมูลนิธิก็คอยดูแลเด็กๆ คอยแก้ปัญหาให้จนจบ
  5. เรื่องของภาษา เมื่อเราอยู่ในชุมชนอาเซี่ยนที่มีคน 600 กว่าล้านคนแล้ว ที่ต้องถูกบังคับให้ใช้ ภาษาอังกฤษเป็นอีกหนึ่งภาษาของอาเซี่ยน และยังมี AEC+ 3 +6 อีก มีคนเป็นพันล้านรวมกัน
  6. การเรียนในระดับปริญญาตรี เป็นวิธีเดียวที่ภาษาอังกฤษจะดีมาก ส่วนการเรียนโทและเอกนั้น ชีวิตอยู่ในห้องสมุดมาก ไม่ค่อยได้ interact กับคนมาก ภาษาพัฒนาได้ไม่เต็มที่
  7. เรื่องเพื่อนนั้น เพื่อนต่างประเทศที่มาจากประเทศต่างๆนั้น ก็ถือว่าสำคัญ มีความหลากหลาย ทีเดียว รวมทั้งคนไทยที่ไปเรียนด้วยกันอีก สังคมไทยในอเมริกา ฯลฯ
  8. การกลับมาเรียนโทหรือเอกในบ้านเราก็สามารถได้เพื่อนในระดับที่มีวุฒิภาวะที่ดีกว่าในปริญญาตรีมาก และยังมีโอกาสอีกมากมาย
  9. recognition เมื่อจบมาจากต่างประเทศ ภาษีก็ต้องดีกว่าแน่นอน แถมภาษาอีก การหางานทำ ความเจริญก้าวหน้า ก็ต้องมีโอกาสดีกว่า

แผนการที่จะให้ลูกไปจบในมหาวิทยาลัยชั้นนำ Elite University

PELIC:

เรื่องการมุ่งให้ลูกไปเข้าเรียนได้ใน elite university จะทำอย่างไร ความจริงโอกาสตรงนี้จะทำได้ทั้งนักเรียนที่เรียนเก่ง และนักเรียนที่เรียนไม่เก่งมาก่อน ดังต่อไปนี้ค่ะ

  1. การจะได้เข้าในมหาวิทยาลัยดังๆระดับโลกนั้น มันแพง และเข้ายากมาก เพราะคนแย่งกันเข้าจากทั่วโลก
  2. พ่อแม่ก็คิดว่ามีวิธีเดียวก็ต้องเข้าให้ได้ เพราะลูกเก่งอยู่แล้ว (ไม่ต้องพูดถึงนักเรียนทุนจากรัฐฯหรือหน่วยงานต่างๆ) ถ้าให้ลูกไปเรียนมหาวิทยาลัยไม่มีชื่อเสียงมาก ก็จะเสียหน้า เป็นต้น
  3. พวกเราที่ทำงานสอนในมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ จะทราบดีว่า นักเรียนจบมัธยมมาแล้วเข้าไปในสังคมการเรียนอุดมศึกษานั้น ต้องปรับตัวอย่างมหาศาล เรื่องวุฒิภาวะ เป็นเรื่องสำคัญนอกจากสมองแล้ว จึงมีนักเรียนจากหลายประเทศรวมทั้งอเมริกัน ที่ไม่สามารถจะ cope กับการเรียนไหว สอบตก รีไทร์ มากพอสมควรในแต่ละปี จึงทำให้มหาวิทยาลัยเหล่านี้จะมีนักเรียนในปี 3-4 โหรงเหรงไปบ้าง
  4. พวกเราก็จะเห็นตัวอย่างมากมาย และได้เห็นนักเรียนที่ไปเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงรองลงมาปรากฏว่าหลายๆคนได้คะแนนดีมาก ดิด Dean list มากมาย เราก็เลยแนะนำให้เด็กกลุ่มนี้ เอาคะแนนและสมัครที่ที่ elite university ผลปรากฏว่าเขารับได้ง่าย เพราะมีต้นทุนสูงแล้ว คือคะแนนสูง มาจากมหาฯในอเมริกา และที่นั่งเรียนยังมีให้เข้าได้ สำคัญคือวุฒิภาวะและกระดูกแข็งขึ้นแล้ว เผลอๆ ได้ทุนอีก ซึ่งได้กันเยอะมาก ผลลัพท์คือ จบมหาวิทยาลัย ดัง ตามที่ไฝ้ฝันไว้ค่ะ
  5. นักเรียนที่ไม่เก่งมาก ที่ไปเรียนในมหาวิทยาลัยธรรมดา หลายๆคนและเป็นส่วนมาก จะมีคะแนนสูงมาก เพราะอาจจะได้เรียนในวิชาที่ชอบ ไม่ต้องไปเรียนอะไรที่ไม่ชอบและบังคับเหมือนในระบบบ้านเรา ไม่ต้องเจอกิจกรรมมากมาย รับน้อง ทำให้คะแนนปีหนึ่งตกไปเยอะเป็นต้น … นักเรียนกลุ่มนี้ก็สามารถสมัครไปที่ elite university ได้เช่นกัน เพราะคะแนนสูงและความสามารถก็ได้รับการพัฒนามาแล้ว สามารถจบด้วยปริญญาจากมหาวิทยาลัยในฝันได้เช่นกัน
  6. สำคัญที่สุดคือการเตรียมภาษาอังกฤษให้ดีค่ะ คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลาย อย่าไปคิดว่าถ้าภาษาไม่ดี ไปเรียนเมืองนอก ไม่ใช่คำตอบนะคะ ต้องมีการเตรียมจากบ้านเราไปก่อน
  7. เพียงแต่ผู้ปกครองกัดฟันมารับทุนที่ ACSA ไปสักปี สองปี แล้วลุกเดินไปข้างหน้าได้แบบที่ว่านี้ เขาก็จะช่วยตัวเองได้มากมายค่ะ ลดภาระของครอบครัวด้วย และทำให้เขาเป็นคนมีความรับผิดชอบสูง

ผู้ปกครองนักเรียนถามเรื่องนักเรียนแลกเปลี่ยน และไปเรียนที่ประเทศอื่นมา รับทุน ACSA ได้หรือเปล่า

PELIC:

  • เด็กๆกลับมารับทุนเรียนต่อปริญญาตรีในอเมริกา ได้เลยนะคะ แต่ถ้าไปเรียนเกรด 12 ต้องรีบขอทุนได้เลยค่ะ เพราะกลับมาจะไม่ทันทำเรื่องขอทุนและเอกสาร

PELIC:

  • ถ้าสนใจทางด้านรัฐศาสตร์ มีมหาวิทยาลัย Saint Andrews University และ North Carolina Wesleyan College ที่ให้ทุนปริญญาตรีด้านนี้อยู่ ถ้าน้องๆสนใจ จบเกรด 12 ก็รับทุนเราต่อได้เลยคะ ที่ Saint Andrews มี นักเรียน เรากำลังเรียนรัฐศาสตร์อยู่ที่นั่นคนนึงคะ น้องบอกเลือกเรียนที่นี่เพราะไม่มีคนไทยอยู่เลย โอกาสพัฒนาภาษาอังกฤษมีมากกว่าที่อื่น น้องเป็นคนไทยคนแรกค่ะ

ผู้ปกครอง:

  • รัฐศาสตร์เป็นฑูต หรือคะ

PELIC:

  • ใช่คะ กลับมาคราวนี้บอกตัดสินใจจะเรียนโทต่อด้วยคะ ไปแค่ปีเดียวกลับมาเป็นคนละคนเลยคะ พูดจามีเหตุมีผล มีการวางแผนชีวิตในแต่ละวัน รวมถึงตัดสินใจเรียนโทเอง น้อง happyกับการเรียนที่นั่นมาก ซึ่งเป็นการดีเพราะน้องต้องใช้ชีวิตอีก 3-4 ปีกว่าจะจบ ป.ตรี

ผู้ปกครอง:

  • ป.ตรี อินเตอร์ อาจจะดีกว่าทั่วไปในไทย แต่ถ้าไปนอกจ่ายเท่าอินเตอร์ อาจจะคุ้มกว่าอยู่ในไทย ลองเข้าไปคุยดูครับ

PELIC:

  • ถ้าพอมีทุน support ลูกหลาน ก็สนับสนุนให้ไปคะ จะเห็นได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเด็กๆเลยคะ  ตอนนี้ที่ นร เราไปเรียน ป ตรี ราคาต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 5 แสนกว่าๆ/ปีค่ะ ราคานี้หมายถึง ค่าใช้จ่ายทั้ง 2 เทอมเลยนะคะ (ค่าเล่าเรียน/หอพัก/อาหาร 3 มื้อจาก canteen)

ผู้ปกครองถามเรื่องทุนในประเทศอื่น

ผู้ปกครอง:

  • ไม่ทราบว่าทางแคนาดามีทุนบ้างไหมคะ

PELIC:

  • ไม่มีของแคนาดาคะ เพราะทุนนี้เป็นขององค์กร ACSA ซื่งเป็นของอเมริกาค่ะ  เป็นทุนให้สำหรับการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม มากกว่าคัดเลือกเอาแต่คนเก่งๆค่ะ จึงเป็นทุนที่ไม่ต้องชำระคืน

PELIC:

  • เรียนท่านที่ถามเรื่องทุนจากประเทศอื่นๆค่ะ …. ทุนแบบนี้หายากมากค่ะ เพราะเป็นการรวมเอามหาวิทยาลัยกว่า 70-200 แห่งมาให้ทุน มูลนิธิ ACSA ทำมา 20 กว่าปีแล้วค่ะ ถึงได้ใหญ่ขนาดนี้ ประเทศอื่นๆทำไม่ได้ค่ะ รับรองไม่มี
  • ก็ถือว่าเป็นโชคดีนะคะ ที่เป็นทุนจากสหรัฐอเมริกา ไม่ใช่ประเทศอื่น ซึ่งถือว่าการศึกษาของเขาเป็นที่หนึ่งในโลกแล้ว เป็นโชคดีสำหรับเด็กไทยนะคะ เพียงแค่ 100 ทุนต่อปี สำหรับทั้งประเทศ
  • หลายๆโรงเรียนใหญ่ๆ ก็กำลังเจรจาขอโควต้า ทุกปีด้วยค่ะ

ผู้ปกครองถามเรื่องหลักสูตร Finance

ผู้ปกครอง:

  • ขอถามนะครับ สาขาด้านfinance  มีให้เลือกเรียนด้วยรึป่าวครับ

PELIC:

  • ทุน ACSA ป.ตรี มี Finance ค่ะ ขอบคุณที่สอบถามเรื่องทุน วิชา finance มีแน่นอนค่ะเพราะอยู่ในกลุ่ม Liberal Arts ที่เรามีทุนอยู่ค่ะ จะเรียนว่ามีน้องคนแรกที่จบมาแล้ว ทางด้าน finance ค่ะ
  • น้องน้ำปิงค่ะ จบมาก็ได้งานทันที ที่อมตะนคร ความจริงแกได้งานจากหลายแห่ง รวมทั้ง ธนาคารไทยพาณิชย์ด้วย ตำแหน่ง Senior Finance Officer เลย ไม่ธรรมดาสำหรับคนจบปริญญาตรีมาสดๆร้อนๆ เงินเดือนสูงมากค่ะ
  • น้องไปเรียนที่ Private university, Lindenwood University, Missouri. ที่นี่เปิดมากนานมากแล้ว เป็น “the fastest growing private university in USA” มีรองอธิการบดีเป็น professor, และมาทำ fellowship ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และท่านก็เอานักเรียนและอาจารย์มาเรียนโท เอก ที่นี่หลายคนค่ะ

เรื่องของมหาวิทยาลัย ที่ได้รับการรับรองจากกพ.

ผู้ปกครอง:

  • ขออนุญาตสอบถามเพื่อเป็นความรู้ค่ะ มหา’ลัย ใน list เหล่านี้ ทาง กพ.รับรอง

ไหมคะ ถ้าจะนำมาสมัครงานเข้าเป็นข้าราชการค่ะ

PELIC:

  • หลังจากได้ list มหาลัยจากเราต้องรบกวนให้ทางผู้ปกครองเช็คเองค่ะ เข้าใจว่าเป็นระเบียบราชการ แต่ปกติเราไม่ค่อยเช็คกันคะ ส่วนใหญ่เด็กเราจบมาทำงานกับเอกชนซึ่งบริษัทไม่ได้ซีเรียสตรงนี้เท่าไหร่
  • ปัญหาเท่าที่พบมาคือ กพ.ไม่ได้ update ข้อมูลตรงนี้เท่าไหร่ ตัวอย่างเช่น College มี่โด่งดังมีชื่อเสียงด้าน Film และ Arts ใน Chicago ไม่อยู่ใน List กพ. แต่กลับเป็นที่ยอมรับในวงการโฆษณา และ Film
  • เด็กไทยจบที่นี่กันหลายคนทำงานอยู่ในแวดวงโฆษณาและ Film ได้ยินรุ่นน้องเล่าให้ฟังว่า Spielberg ผู้กำกับชื่อดัง ต้องมาดูหนังสั้นที่ นศ. ทำเป็น Thesis เกือบทุกปี เลยไม่ทราบว่า กพ.ใช้อะไรเป็นตัววัด
  • ถ้าเป็นพวกลงท้าย State University น่าอยู่ใน list กพ.หมดค่ะ

ผู้ปกครอง:

  • รบกวนถามอีก 1  เรื่องค่ะ ถ้าต้องเรียนต่อ ป.โท หรือ ป.เอก ในไทย ต้องนำวุฒิมาที่ สถาบันอุดมศึกษา ออกใบรับรองเพื่อสมัครเรียนต่อมหา’ลัย ในไทยด้วยไหมคะ

PELIC:

  • ถ้าสมัครเอกชนไม่ต้องนะคะ แต่ถ้าเป็นข้าราชการนี่รบกวนเช็คกันให้ละเอียดอีกทีโดยถามจากหน่วยงานของเราเอาค่ะแต่ถ้าสมัครเรียนต่อโท เอกไม่ต้องนะคะ

ผู้ปกครอง:  

  • สมัครเรียนต่อ เอกชน ค่ะ  ไม่ได้หมายถึงทำงานกับบริษัทเอกชน

PELIC:

  • ไม่ต้องค่ะ

ผู้ปกครอง:  

  • ที่เห็นรุ่นน้องเรียนเอกชนใช้วุฒิป.โท เมกา ก้อต้องเข้าไปขอใบรับรองที่สถาบันอุดมศึกษาตรงพญาไท  เพื่อมาเรียน ป.เอก มหา’ลัยเอกชนค่ะ ที่ผ่านมา น้องๆ เคยเรียนต่อ ป.โทในไทย ได้เลยไหมคะ

PELIC:

  • ยังไม่เคยมีคะ เพราะเราเพิ่งทำมา 4 ปี นร เพิ่งจบคนเดียวคะ

ผู้ปกครอง:

  • พอดีถ้า plan การศึกษาให้ลูกไปเรียนเมืองนอก ต้นทุนต้องสูงถ้าจะเรียนยาว / ถ้ากลับมาต่อเมืองไทย ไม่ลำบาก ก็น่าจะเป็นอีกแผนให้ลูกได้ค่ะ

PELIC:

  • รายละเอียดที่ต้องขอใบรับรองวุฒิที่สถาบันอุดมศึกษานี่ทางเราไม่มีข้อมูลละเอียดมากนัก ขอโทษด้วยคะ

ผู้ปกครอง:  

  • ไม่เป็นไรค่ะ แบ่งปันประสบการณ์ เรียนรู้กันไปค่ะ มี plan ลูกไป exchange

มัธยมค่ะ ป.ตรี อยากให้เรียนในไทย ได้เพื่อน ได้รุ่น ป.โท ให้เค้าหาทุนเรียนเองค่ะ

PELIC:

  • เท่าที่ส่ง นร ไป ราคาต่ำสุดอยู่ที่ ประมาณ 5 แสนต่อปีค่ะ ราคาพอๆกับ Inter ในบ้านเราเลยค่ะ

ผู้ปกครอง:

  • แต่ สิ่งแวดล้อมบังคับใช้ภาษาอังกฤษได้ดีกว่าค่ะ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งดีค่ะ

PELIC:

  • มีอยู่ 2 issues ที่อยากจะขอเรียนเพิ่มเติมคือ….
  • เรื่องกพ. รับรอง นั้น ด้วยทางเราทำงานเรื่องโรงเรียนภาษา ส่งนักเรียนไปเรียนต่อในหลายประเทศในทุกระดับและทั้งเตรียมและส่งคนไปทำงานในต่างประเทศมากว่า 25 ปีแล้ว มีประสบการณ์เรื่องที่ท่านผู้ปกครอง มีความกังวลว่ามหาวิทยาลัยต่างๆนั้น จะได้รับการรับรองจากกพ. ไหม .. ตัวดิฉันเองไปทำงานใกล้ชิดกับกพ.มาตลอด โดยเฉพาะเรื่องนี้ ทางเจ้าหน้าที่ท่านก็จะอธิบายแบบที่อ. เอ๋เรียนไว้แต่ต้นแล้ว คือ เมื่อคนมาสมัครเป็นข้าราชการพลเรือน ทางกพ.ก็จะตรวจสอบว่ามหาฯมีคุณสมบัติที่สามารถให้มารับราชการได้ แต่ทั้งนี้เป็นการทำงานของภายในส่วนราชการ เมื่อมีคนทั่วไปและหน่วยงานต่างๆขอตรวจสอบมากมายมาตลอด ทางกพ. เองก็มีบุคลากรไม่เพียงพอที่จะมาทำงานในส่วนนี้ และการตรวจสอบไปทั่วโลกนั้น ก็เป็นสิ่งที่ยากและใช้เวลามากมาย ก็ไม่สามารถคลอบคลุมได้หมด จึงค่อนข้างจะมีปัญหาพอสมควรค่ะ จึงเล่ามาให้ฟัง ว่ากพ. ไม่มีความสามารถที่จะ update ข้อมูลได้ตลอดเวลา
  • ส่วนของมูลนิธิ ACSA ที่ได้แต่งตั้งให้ PELIC เป็นตัวแทนในประเทศไทยนั้น ก็ทำมากว่า 20 ปีแล้วเป็นองค์กรที่มีมหาวิทยาลัยให้ทุนผ่านมา เยอะมาก 70-200 แห้ง ซึ่งไม่มีองค์กรไหนทำได้อย่างนี้แล้ว และแถมเป็นของประเทศอเมริกาด้วย ซึ่งการศึกษาถือว่าขณะนี้ดีที่สุดในโลก ทาง ACSAมีมาตรการที่คัดเลือกมหาวิทยาลัยที่ไม่ใช่ห้องแถวหรือไม่มีเครดิตเลย ขณะนี้ให้ทุนนักเรียนจากทั่วโลกกว่า 10,000 คนแล้ว สำหรับประเทศไทยนั้น เราได้รับสิทธินี้มา 4 ปีนี่เอง พึ่งมีนักเรียนคนแรกจบมาค่ะ
  • เราเลยไม่สามารถที่จะไปตรวจสอบกับกพ. ให้ได้ทุกแห่ง แต่เชื่อแน่ว่า state university ทั้งหมด
  • ที่เป็นของรัฐฯ ต้องได้รับการรับรองแน่นอนค่ะ ด้วยมาตรฐานที่สูงด้วยค่ะ

ผู้ปกครอง:

  • ขอบคุณมากค่ะ ถ้ากลับเข้ามารับราชการ ก็คงต้องพิจารณาให้ดี  ถ้าเข้าเอกชน ก็ไม่มีปัญหาเลย ใช่ไหมคะเด็กๆ ที่ภาษาดี บางครอบครัวก็ใฝ่ฝันกระทรวงการต่างประเทศค่ะเงินเดือนราชการน้อย แต่สวัสดิการหรือรายได้เมื่อออก post นอกประเทศค่อนข้างจะดีและเป็นงานทรงเกียรติ เป็นแรงดึงดูดใจที่ดี (แต่ลูกไม่สนใจเลยค่ะ เสียดาย)
  • ส่วนเรื่องเรียนต่อ ปริญญาที่สูงขึ้นล่ะคะในประเทศไทย ต้องให้สถาบันอุดมศึกษารับรอง ลำบากในการตรวจสอบไหมคะ

PELIC:

  • มหาวิทยาลัยที่ให้ทุนมากับ ACSA นั้น ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดี ค่อนข้างจะแน่ใจว่าไม่มีปัญหาใดๆนการมาเรียนต่อโท เอก ในประเทศไทยแน่นอน แต่ส่วนใหญ่ เด็กก็เตรียมหาทุนเรียนต่อที่อเมริกากันเลยค่ะ

เรื่องการวางแผนการสำหรับลูกที่อยู่มัธยม และบางคนที่ไปโครงการแลกเปลี่ยน เพื่อมาต่อในปริญญาตรี

ผู้ปกครอง:

  • ตอนนี้ลูกสาวผมเรียนอยู่ม.4    ปีนี้ไปเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา  ต้องวางแผนอย่างไรครับ  หากต้องการไปด้วยทุนของ  ACSA  หลังจากกลับมา

ผู้ปกครองอีกท่านหนึ่ง:

  • พี่ให้สอบ GED ที่เมกาเลยครับ ได้วุฒิ ม.6 แล้วกลับมาขอทุนขอวีซ่าไปต่อ มหาวิทยาลัยเลย ได้ไหมไม่รู้ครับ ดร.ทัช วางแผนอย่างนี้

ผู้ปกครอง:

  • สมมุติถ้าสอบไม่ผ่านหละครับ ผมว่าเค้าจะอายุน้อยไป ถ้าไปต่อเลย   ตอนนี้ 15 ปีครับ

PELIC:

  • คุณพ่อคิดถูกแล้วค่ะ เขายังอายุน้อยอยู่ เราให้เขาไปตามธรรมชาติดีกว่าค่ะ สบายๆนะคะ พอน้องกลับมาจากแลกเปลี่ยน เอาคะแนนมาเทียบในเมืองไทยใช่ไหมค่ะ ต้องให้ได้เกรด 10 และเลือกเรียนวิชาที่แกสนใจ เช่นทางบริหาร การเงิน เป็นต้น แล้วกลับมาเรียนม.5-6 ในเมืองไทยแบบสบาย เพราะได้ทุนจาก ACSA เรียบร้อยไปแล้ว
  • ให้น้องได้เรียนไปตามธรรมชาติดีกว่าค่ะ เพราะเขาต้องได้รับประสบการณ์ตามธรรมชาติที่เป็นปกติแต่เขาจะไม่ต้องไปสอบอะไรที่ไม่จำเป็นตามที่เด็กไทยต้องทำกัน ขอให้จบม.6 อย่างเดียวและอย่าทิ้งภาษาอังกฤษ 2 อย่างเท่านั้นค่ะ
  • สามารถมารับทุนจากเราตั้งแต่อยู่ ม.5 ได้เลย
  • คุณสมบัติคือคะแนนไม่ต่ำกว่า GPA0 เท่านั้น ซึ่งน้องๆคะแนนเขามากกว่าอยู่แล้วค่ะ ไม่ต้องสอบคัดเลือกอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่จองทุนที่เรามีเพียง 100 ทุนก่อน
  • คุณพ่อคุณแม่ส่งไหวขนาดไหน มีมหาวิทยาลัยที่ให้ทุนแตกต่างกันตามความเหมาะสมค่ะ และยังมีตัวช่วยอีกเยอะค่ะ

ผู้ปกครอง:

  • ถ้าเด็กๆเขาสามารถขอสัญชาติได้ จะขอทุนด้วยได้ไหมคะ ตอนนี้ถือสัญชาติไทยไปคะ

PELIC:

  • ถ้ามีพาสปอร์ตของสองประเทศ ก็ใช้ของไทยค่ะ  เพราะสัญชาติอเมริกัน รับทุนนี้ไม่ได้ค่ะ
  • ในบางกรณี ถ้าน้องเขาไม่มีความสุขในโรงเรียนมัธยมที่เรียนอยู่ ซึ่งมีหลายคน บางคนเขาเก่ง เขาก็เกิดความเบื่อในการเรียนปัจจุบัน กลุ่มนี้น่าไปสอบ GED ได้เลย
  • ไม่มีอะไรเป็นข้อตายตัว ที่คุณอ๊อดแนะนำก็เป็นทางออกที่ดีอีกทางหนึ่งค่ะ มีเด็กหลายคนทำแบบนี้และไปได้ดี มารับทุนเราหลายคน เราดูที่เด็กก่อนดีกว่าค่ะ และถามความสมัครใจของเขา อย่าไปเป็นคนกำหนดนะคะ เป็นคนให้การสนับสนุนดีกว่าค่ะ